ประกอบธุรกิจในลักษณะ Holding Company โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ โดยมุ่งเน้นการลงทุนหลักในธุรกิจไฟฟ้า ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 5,959 MWe รวมทั้งธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจให้บริการด้านพลังงาน ธุรกิจเหมืองถ่านหิน และธุรกิจท่อส่งน้ำมัน
หยุนหลิน รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปี จากโรงไฟฟ้าลินเดนเเละเอเพ็กซ์
ณ วันที่ 31/12/64 | EGCO | ENERG | SET |
---|---|---|---|
P/E (เท่า) | 18.58 | 16.16 | 20.78 |
P/BV (เท่า) | 0.82 | 1.60 | 1.79 |
Dividend yield (%) | 3.70 | 2.09 | 2.10 |
31/12/64 | 31/12/63 | 31/12/62 | |
---|---|---|---|
Market Cap (ลบ.) | 92,394.61 | 101,344.51 | 172,680.52 |
ราคา (บาท/หุ้น) | 175.50 | 192.50 | 328.00 |
P/E (เท่า) | 18.58 | 10.70 | 17.55 |
P/BV (เท่า) | 0.82 | 1.00 | 1.68 |
2564 | 2563 | 2562 | 2561 |
---|
รายได้ | 38,136.94 | 37,782.97 | 41,055.02 | 38,174.19 |
ค่าใช้จ่าย | 31,213.12 | 29,479.19 | 31,921.13 | 32,081.77 |
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ | 4,103.84 | 8,733.03 | 13,059.24 | 21,072.88 |
สินทรัพย์ | 241,932.00 | 214,437.69 | 208,522.60 | 206,427.81 |
หนี้สิน | 127,895.31 | 111,603.45 | 103,416.20 | 105,577.46 |
ส่วนผู้ถือหุ้น | 113,440.87 | 102,243.20 | 104,490.41 | 100,239.38 |
กิจกรรมดำเนินงาน | 10,453.28 | 11,712.96 | 11,429.65 | 11,253.46 |
กิจกรรมลงทุน | -14,191.10 | -9,316.50 | -17,816.18 | 31,588.54 |
กิจกรรมจัดหาเงิน | 3,440.06 | -5,429.65 | -6,489.68 | -15,714.06 |
กำไรต่อหุ้น (บาท) | 7.80 | 16.59 | 24.81 | 40.03 |
อัตรากำไรขั้นต้น (%) | 23.24 | 24.78 | 24.24 | 25.10 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) | 10.80 | 23.18 | 31.97 | 55.32 |
D/E Ratio (เท่า) | 1.12 | 1.09 | 0.98 | 1.05 |
ROE (%) | 3.81 | 8.45 | 12.76 | 22.60 |
ROA (%) | 5.71 | 6.62 | 7.34 | 12.82 |
ปี 2564 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรจากการดำเนินงาน 10,218 ล้านบาท สูงกว่าปี 2563 ถึง 17% แต่กำไรสุทธิลดลง เนื่องจากมีขาดทุนจาก FX ซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ในการแปลงมูลค่าหนี้สินสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท ซึ่งเป็นการรับรู้ทางบัญชีเท่านั้น ไม่มีผล
กระทบต่อกระแสเงินสดและการดำเนินงาน
โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง - วันที่ 11 ม.ค 64 ได้ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินการโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
การขยายการลงทุน ในการซื้อหุ้นบริษัท ลินเดน ทอปโก้ - วันที่ 29 ม.ค 64 ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นร้อยละ28 ในโรงไฟฟ้าลินเดน กำลังการผลิตรวม 972MW โดยซื้อขายแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64
การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ - วันที่ 22 ก.ค. 64 กกพ. มีมติเห็นชอบออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ให้แก่เอ็กโก ปริมาณสูงสุด200,380ตันต่อปี ระยะเวลา 10 ปี
อินโนพาวเวอร์ - วันที่ 13 ก.ย. 64 กฟผ. ราช และเอ็กโก ดำเนินการจัดตั้งบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อยกระดับงานวิจัยในด้านนวัตกรรม
เอเพ็กซ์ - วันที่ 5 ต.ค 64 ได้ลงนามสัญญาเพื่อลงทุนทางอ้อม ร้อยละ 17.46 ใน APEX และแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 64
เพียร์ พาวเวอร์ - วันที่ 21 ธ.ค 64 ลงทุนร้อยละ 24.24 ใน บริษัท เพียร์
พาวเวอร์ จำกัด สตาร์ทอัพในธุรกิจเทคโนโลยีด้านการเงิน
5. ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์: 4 ด้านตามหลัก Balanced Scorecard
ได้แก่
ความเสี่ยงของการบริหารการลงทุน การลงทุนโครงการใหม่ย่อมมีความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ดังนั้นจึงกำหนดโครงการลงทุนที่สำคัญในแผนการลงทุนในแต่ละปีและวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมที่อาจเปลี่ยนแปลง
ความเสี่ยงของการบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เอ็กโกกำหนดมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การคัดเลือกบริษัทผู้รับเหมา การทำสัญญาอย่างรัดกุม
ความเสี่ยงจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตแล้ว เอ็กโกมีการติดตามผลการดำเนินงาน วิเคราะห์ผลตอบแทนและติดตามเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ อีกทั้งมีการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
ความเสี่ยงด้านการเงินและการบริหารภาษี เอ็กโกมีการจัดหาเงินกู้เป็นเงินสกุลเดียวกับรายได้ที่จะได้รับและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ส่วนด้านภาษีมีการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด
ความเสี่ยงผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19
ส่งผลกระทบระยะสั้น เช่น การสั่งการผลิตน้อยลง และเลื่อนแผนการบำรุงรักษา แต่เอ็กโกสามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เอ็กโกจะลดการลงทุนในถ่านหินลงเหลือ 20%-21% แต่เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพลังงานอัจฉริยะเป็น30% กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซCO2ลง ร้อยละ10 ภายในปี 2573 เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593