ประกอบธุรกิจในลักษณะ Holding Company โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ โดยมุ่งเน้นการลงทุนหลักในธุรกิจไฟฟ้า ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 5,959 MWe รวมทั้งธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจให้บริการด้านพลังงาน ธุรกิจเหมืองถ่านหิน และธุรกิจท่อส่งน้ำมัน
หยุนหลิน รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปี จากโรงไฟฟ้าลินเดนเเละเอเพ็กซ์
ณ วันที่ 31/03/65 | EGCO | ENERG | SET |
---|---|---|---|
P/E (เท่า) | 21.81 | 15.07 | 19.63 |
P/BV (เท่า) | 0.79 | 1.59 | 1.73 |
Dividend yield (%) | 3.82 | 3.16 | 2.62 |
31/03/65 | 31/12/64 | 31/12/63 | |
---|---|---|---|
Market Cap (ลบ.) | 89,499.05 | 92,394.61 | 101,344.51 |
ราคา (บาท/หุ้น) | 170.00 | 175.50 | 192.50 |
P/E (เท่า) | 21.81 | 18.58 | 10.70 |
P/BV (เท่า) | 0.79 | 0.82 | 1.00 |
3M65 | 3M64 | 2564 | 2563 |
---|
รายได้ | 12,499.09 | 7,630.52 | 38,136.94 | 37,782.97 |
ค่าใช้จ่าย | 11,047.75 | 6,201.22 | 31,213.12 | 29,479.19 |
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ | 4,115.81 | 585.46 | 4,103.84 | 8,733.03 |
สินทรัพย์ | 246,129.55 | 215,478.71 | 241,932.00 | 214,437.69 |
หนี้สิน | 125,555.89 | 108,072.17 | 127,895.31 | 111,603.45 |
ส่วนผู้ถือหุ้น | 119,991.40 | 106,804.94 | 113,440.87 | 102,243.20 |
กิจกรรมดำเนินงาน | 3,537.31 | 3,168.35 | 10,453.28 | 11,712.96 |
กิจกรรมลงทุน | -278.37 | -920.52 | -14,191.10 | -9,316.50 |
กิจกรรมจัดหาเงิน | -644.40 | -4,108.56 | 3,440.06 | -5,429.65 |
กำไรต่อหุ้น (บาท) | 7.82 | 1.11 | 7.80 | 16.59 |
อัตรากำไรขั้นต้น (%) | 13.42 | 22.84 | 23.24 | 24.78 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) | 32.81 | 7.78 | 10.80 | 23.18 |
D/E Ratio (เท่า) | 1.04 | 1.01 | 1.12 | 1.09 |
ROE (%) | 6.73 | 9.53 | 3.81 | 8.45 |
ROA (%) | 6.51 | 5.87 | 5.71 | 6.62 |
ไตรมาสที่1/2565 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรจากการดำเนินงาน 4,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% จากไตรมาสที่1/2564 เเละมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 4,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603% จากไตรมาสที่1/2564 เนื่องจากโรงไฟฟ้า พาจู อีเอส ที่เกาหลีใต้ มีการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและมีการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่ดี รวมทั้งรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าลินเดนเเละเอเพ็กซ์ ที่สหรัฐอเมริกา
โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง - วันที่ 11 ม.ค 64 ได้ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินการโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
การขยายการลงทุน ในการซื้อหุ้นบริษัท ลินเดน ทอปโก้ - วันที่ 29 ม.ค 64 ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นร้อยละ28 ในโรงไฟฟ้าลินเดน กำลังการผลิตรวม 972MW โดยซื้อขายแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64
การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ - วันที่ 22 ก.ค. 64 กกพ. มีมติเห็นชอบออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ให้แก่เอ็กโก ปริมาณสูงสุด200,380ตันต่อปี ระยะเวลา 10 ปี
อินโนพาวเวอร์ - วันที่ 13 ก.ย. 64 กฟผ. ราช และเอ็กโก ดำเนินการจัดตั้งบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อยกระดับงานวิจัยในด้านนวัตกรรม
เอเพ็กซ์ - วันที่ 5 ต.ค 64 ได้ลงนามสัญญาเพื่อลงทุนทางอ้อม ร้อยละ 17.46 ใน APEX และแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 64
เพียร์ พาวเวอร์ - วันที่ 21 ธ.ค 64 ลงทุนร้อยละ 24.24 ใน บริษัท เพียร์
พาวเวอร์ จำกัด สตาร์ทอัพในธุรกิจเทคโนโลยีด้านการเงิน
5. ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์: 4 ด้านตามหลัก Balanced Scorecard
ได้แก่
ความเสี่ยงของการบริหารการลงทุน การลงทุนโครงการใหม่ย่อมมีความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ดังนั้นจึงกำหนดโครงการลงทุนที่สำคัญในแผนการลงทุนในแต่ละปีและวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมที่อาจเปลี่ยนแปลง
ความเสี่ยงของการบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เอ็กโกกำหนดมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การคัดเลือกบริษัทผู้รับเหมา การทำสัญญาอย่างรัดกุม
ความเสี่ยงจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตแล้ว เอ็กโกมีการติดตามผลการดำเนินงาน วิเคราะห์ผลตอบแทนและติดตามเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ อีกทั้งมีการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
ความเสี่ยงด้านการเงินและการบริหารภาษี เอ็กโกมีการจัดหาเงินกู้เป็นเงินสกุลเดียวกับรายได้ที่จะได้รับและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ส่วนด้านภาษีมีการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด
ความเสี่ยงผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19
ส่งผลกระทบระยะสั้น เช่น การสั่งการผลิตน้อยลง และเลื่อนแผนการบำรุงรักษา แต่เอ็กโกสามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เอ็กโกจะลดการลงทุนในถ่านหินลงเหลือ 20%-21% แต่เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพลังงานอัจฉริยะเป็น30% กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซCO2ลง ร้อยละ10 ภายในปี 2573 เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593