CREDIT : ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)
YE/2566 (ม.ค. - ธ.ค. 2566)
ภาพรวมธุรกิจ

ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารพาณิชย์มากว่า 18 ปี ให้บริการด้านการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) และสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อธุรกิจรายย่อย (Nano and Micro Finance) แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงให้บริการสินเชื่อบ้าน (Home Loan) และช่องทางธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Digital Platform)

งบการเงิน
2566 2565 2564 2563
งบกำไรขาดทุน (ลบ.)
รายได้ 16,604.31 13,451.43    
ค่าใช้จ่าย 12,145.40 10,491.59    
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 3,556.78 2,352.52    
งบแสดงฐานะทางการเงิน (ลบ.)
สินทรัพย์ 163,444.33 143,189.47    
หนี้สิน 145,939.20 128,807.89    
ส่วนผู้ถือหุ้น 17,505.13 14,381.58    
งบกระแสเงินสด (ลบ.)
กิจกรรมดำเนินงาน -4,286.36 -3,999.52    
กิจกรรมลงทุน -357.13 2,634.15    
กิจกรรมจัดหาเงิน 4,652.85 1,405.04    
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
กำไรต่อหุ้น (บาท) 3.05 4.56    
อัตรากำไรขั้นต้น (%)        
อัตรากำไรสุทธิ (%) 21.42 17.49    
D/E Ratio (เท่า) 8.34 8.96    
ROE (%) 22.31 16.36    
ROA (%) 4.58 3.21    
แผนธุรกิจ

ธนาคารไทยเครดิตมุ่งมั่นสู่การเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มลูกค้ารายย่อยด้วยรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชนคนไทยทุกภูมิภาค โดยกลยุทธ์หลักในปี 2567 ยังคงเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การเติบโตของสินเชื่อหลัก 2) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3) การพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของธนาคารในระยะยาว เพื่อการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2567 ธนาคารไทยเครดิตตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อเป็นเลขสองหลัก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Spread) ที่ 8.0-8.2% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้คงที่ และเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (%NPLs) ที่น้อยกว่า 4.5% อย่างไรก็ตามธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อแบบระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงติดตามคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้อย่างรอบคอบ และใช้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม รักษาความมั่นคงทางการเงินของธนาคารฯ และเพิ่มความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในอนาคต

แผนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน

ไทยเครดิตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตทางธุรกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของธนาคารฯ และยกระดับชีวิตทางการเงินได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจและสังคม ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจของธนาคารฯ "Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ"

นอกจากนี้ไทยเครดิตให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและความรู้ด้านการเงินให้กับชุมชนและสังคม และเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกิจกรรมต่างๆ ของไทยเครดิตด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่ออย่างสม่ำเสมอ

Highlight ที่น่าสนใจของบริษัท

ในปี 2566 ธนาคารฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,556.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.2% จากปีก่อน ทำสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ โดยรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารฯ เพิ่มขึ้น 20.6% จากปีก่อน สอดคล้องกับเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้เติบโต 18.8% จากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (+17.7% YoY) สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อธุรกิจรายย่อย (+16.4% YoY) และสินเชื่อบ้าน (+18.3% YoY)

โดยอัตราส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในปี 2566 ของธนาคารฯ อยู่ที่ 8.2% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินถัวเฉลี่ยของธนาคารฯ อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิต่อส่วนของเจ้าของ สูงขึ้นจาก 18.94% ในปี 2565 เป็น 22.31% ในปี 2566

การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน

ในปี 2566 รายได้ดอกเบี้ยของธนาคารฯ เพิ่มขึ้น 25.3% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของธนาคารฯ เพิ่มขึ้น 57.1% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากดอกเบี้ยจากเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของ ธปท. รวมถึงเงินสมทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้นกลับสู่ระดับปกติที่ 0.46% ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารฯ เพิ่มขึ้น 20.6% จากปีก่อน

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ของธนาคารฯ เพิ่มขึ้น 11.5% จากปีก่อนสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน รวมไปถึงการทำการตลาดออนไลน์และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารและอุปกรณ์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ ลดลงจากเดิม 39.5% ในปี 2565 เป็น 36.7% ในปี 2566 จากประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ธนาคารฯ ได้ตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 4,062.4 ล้านบาท ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อน ในขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อเฉลี่ยของธนาคารฯ ลดลง อยู่ที่ 294 bps ส่งผลให้กำไรสำหรับปีสุทธิเท่ากับ 3,556.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.2% จากปีก่อน และกำไรต่อหุ้นของธนาคารฯ เท่ากับ 3.05 บาทต่อหุ้นในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 2.28 บาทต่อหุ้นในปี 2565

พัฒนาการที่สำคัญ
  • ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์จากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 เพื่อประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ
  • เข้าทำสัญญากับบริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด (“Ascend Nano”) เพื่อขยายผลิตภัณฑ์สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคลไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ (กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำ)
  • เข้าทำสัญญาทางการเงินกับ International Finance Corporation (IFC) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการให้บริการสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน สำหรับวงเงินกู้ระยะยาวจำนวน 105.0 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
  • เปิดสาขาเงินฝากใหม่รวม 2 สาขา ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งหมด 28 สาขา
แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ

การบริหารความเสี่ยงถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธนาคารฯ โดยธนาคารฯ ได้มีการวางแผนการกำกับดูแลความเสี่ยงที่มุ่งเน้นการพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบบริหารความเสี่ยงในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสมและครอบคลุมทุกด้านสำคัญ สอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งตอบสนองต่อความท้าทายด้านคุณภาพสินเชื่อโดยเฉพาะในสถานะการณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ธนาคารฯ ไม่อาจควบคุมได้

นอกจากนี้ธนาคารฯ ได้จัดโครงสร้างองค์กรให้มีการถ่วงดุลอำนาจ และกระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงยึดหลักธรรมาภิบาลที่ดีและมีระบบการรายงานติดตามความเสี่ยง เครื่องมือจัดการ ตลอดจนกระบวนการเพื่อใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความเสี่ยงและหน้าที่ความรับผิดชอบของตนผ่านนโยบายบริหารความเสี่ยง

รางวัลและความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัท
  • รางวัลระดับเอเชีย ACES 2566 หมวด Top community centric companies in Asia
  • รางวัลรองชนะเลิศระดับประเทศ ในการคัดเลือก "ผู้นำระดับประเทศด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 6" ของกระทรวงมหาดไทย
โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ
สินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี 67.1% สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิต 15.5% สินเชื่อบ้าน 15.2% อื่นๆ 2.2%
ข้อมูลหลักทรัพย์
SET / FINCIAL / BANK
ราคาปิด CREDIT SET index 0.00 0.00 0.00 1725.00 1569.00 1413.00 1257.00 3-1-66 31-3-66 4-7-66 29-9-66 28-12-66
ณ วันที่ 31/12/66 CREDIT BANK SET
P/E (เท่า) N/A 7.96 18.42
P/BV (เท่า) N/A 0.66 1.36
Dividend yield (%) N/A 4.19 3.32
31/12/66 - -
Market Cap (ลบ.) N/A N/A N/A
ราคา (บาท/หุ้น) N/A N/A N/A
P/E (เท่า) N/A N/A N/A
P/BV (เท่า) N/A N/A N/A
CG Report:
-
Company Rating:
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ณ วันที่ 19/02/2567
บริษัท วี เอ็น บี โฮลดิ้ง จำกัด (50.77%)
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (9.62%)
OCA Investment Holdings I Pte. Ltd. (7.56%)
ครอบครัวไชยวรรณ (8.37%)
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE A) NOMINEES LOMITED (4.23%)
อื่น ๆ (19.45%)
ช่องทางการติดต่อบริษัท
http://www.thaicreditbank.com
ir@thaicreditbank.com
0-2697-5300 Ext. 4197
123 ชั้น 1 อาคารไทยประกันชีวิต ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
ข้อมูลการซื้อขายอื่น ๆ : https://www.settrade.com/C04_01_stock_quote_p1.jsp?txtSymbol=CREDIT
หมายเหตุ : เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทจดทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนแก่ผู้ลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น บริษัทจดทะเบียนไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและควรขอรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี และบริษัทจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้ใดนำเอกสารหรือข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทจดทะเบียนก่อน หากผู้ลงทุนมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัท สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากรายงานหรือสารสนเทศที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านช่องทางของสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และ/หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย