ITC : บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
YE/2566 (ม.ค. - ธ.ค. 2566)
ภาพรวมธุรกิจ

บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“ไอ-เทล” / “บริษัทฯ”) เป็นหนึ่งในผู้นำในการรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และได้ถูกจัดอันดับโดย www.petfoodindustry.com ให้เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food Company) อันดับ 2 ของเอเชีย ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผลิตจากวัตถุดิบหลัก คือ เนื้อปลาและเนื้อไก่ โดยใน ปี 2566 บริษัทฯ มีรายการผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั้งหมด 4,858 ชนิด จำหน่ายให้แก่ลูกค้ากว่า 435 รายในกว่า 46 ประเทศทั่วโลก โดยนอกเหนือจากการรับจ้างผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังจำหน่ายอาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ Bellotta, Marvo, ChangeTer, Calico Bay และ Paramount

งบการเงิน
2566 2565 2564 2563
งบกำไรขาดทุน (ลบ.)
รายได้ 16,179.50 22,776.35 7,192.14  
ค่าใช้จ่าย 13,721.33 18,389.19 6,635.45  
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,281.38 4,470.18 1,598.68  
งบแสดงฐานะทางการเงิน (ลบ.)
สินทรัพย์ 25,431.25 25,749.59 14,933.79  
หนี้สิน 2,312.39 3,143.45 10,602.32  
ส่วนผู้ถือหุ้น 23,118.26 22,607.21 4,328.62  
งบกระแสเงินสด (ลบ.)
กิจกรรมดำเนินงาน 2,890.55 2,042.83 1,122.80  
กิจกรรมลงทุน -2,993.54 -3,388.78 -549.48  
กิจกรรมจัดหาเงิน -1,374.39 12,133.83 -588.59  
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.76 2.52 44.41  
อัตรากำไรขั้นต้น (%) 19.50 24.08 14.98  
อัตรากำไรสุทธิ (%) 14.11 19.62 21.91  
D/E Ratio (เท่า) 0.10 0.14 2.45  
ROE (%) 9.98 33.19 36.93  
ROA (%) 9.48 22.55 4.68  
แผนธุรกิจ

ไอ-เทล มีกลยุทธ์การเติบโต จนถึงปี 2568 คือการมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลัก คืออาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกที่มีความพรีเมี่ยม ตามเทรนด์ humanization โดยการขยายพอร์ตโฟลิโอสำหรับลูกค้า Global brand และ private label โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป เร่งสร้างการเติบโตในยุโรปและจีนจากบริษัทในเครือแห่งใหม่ อาหารเสริม รวมถึงมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ โดยในปี 2567 เรายังคงมุ่งเน้นการเป็นผู้นำผู้รับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมี่ยมระดับโลก โดยการขยายธุรกิจกับลูกค้ารายใหม่และลูกค้าปัจจุบัน การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การขยายตลาดไปยังประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูง และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

 

แผนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน

ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น เรามุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบผ่านการพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงด้วยนวัตกรรมควบคู่ไปกับการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้านและยั่งยืน ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน SeaChange® ซึ่งในไตรมาส 3 ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯได้ประกาศเป้าหมายพันธกิจด้านความยั่งยืนใหม่จนถึงปี  2573 ได้แก่ การจัดซื้อวัตถุดิบอย่างไก่ วัตุดิบที่มาจากถั่วเหลือง และน้ำมันถั่วเหลืองจากแหล่งที่ไม่ตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2573 การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่จะสามารถทดแทนการใช้ไฟฟ้าเป็น 30% ภายในปี 2568 ในขณะที่เรากำลังมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 42% ภายในปี 2573 และมีแผนใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลสำหรับถ้วยและซองพลาสติกสำหรับธุรกิจรับจ้างผลิตภายในปี 2573 ตลอดจนส่่งเสริมการทำงานที่่ปลอดภัยและมีจริยธรรม ซึ่งบริษัทฯ เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทในอุุตสาหกรรมนี้ที่นำหลักการ ”นายจ้างจ่าย” (Employer Pays Principle) มาใช้ โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ดููแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจัดหาแรงงานข้ามชาติ

 

Highlight ที่น่าสนใจของบริษัท

ไตรมาส 4/2566 ยอดขายฟื้นตัว 18.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากลูกค้าเริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้าและระดับสินค้าคงเหลือของลูกค้าเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และเป็นผลจากกลยุทธ์การปรับราคาขาย อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 จากราคาขายที่เพิ่มขึ้น แผนบริหารต้นทุนที่เริ่มตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ดีขึ้น นอกจากนั้นแล้วบริษัทฯจะเพิ่มการบริหารจัดการลูกค้าแบบเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงมีกลยุทธ์ที่ปรับตัวสอดคล้องกับสถานการณ์ แม้ผลประกอบการจะชะลอตัวในช่วงสั้นๆ เรายังคงยึดมั่นกับกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2568 และความพยายามในปีนี้จะเริ่มเห็นผลในปี 2567 เป็นต้นไป

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจ ในปี 2666 บริษัทฯ มีลูกค้ารายใหม่ถึง 31 รายด้วยกัน และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กว่า 1,318 รายการ ภายใต้การรับจ้างผลิตและแบรนด์ของตัวเอง

การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในปี 2566 อยู่ที่ 15,576.9 ล้านบาท ลดลง 27.3% เมื่อเทียบกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งปีก่อน เนื่องจากการระบายสินค้าคงเหลือของลูกค้าในสหรัฐและยุโรปในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้การใช้จ่ายของลูกค้าลดลง สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมี่ยมลดลง และค่าระวางสินค้าที่ลดลง กําไรขั้นต้น อยู่ที่ 3,037.5 ล้านบาท ลดลง 43.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากคำสั่งซื้อที่ลดลง ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยที่สูงขึ้น และสัดส่วนการขายสินค้าพรีเมี่ยมลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงอยู่ที่ 19.5% อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 4 สูงขึ้นอยู่ที่ 22.0% จาก 19.2% เนื่องด้วยการฟื้นตัวของยอดขาย ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และราคาขายที่สูงขึ้น โดยกําไรจากการดําเนินงานในปี 2566 อยู่ที่ 1,854.0 ล้านบาท ลดลง 54.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรที่ 11.9% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 7.6% เกิดจากการที่ยอดขายลดลงในสัดส่วนที่สูงกว่าการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ทำให้กําไรสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ 2,281.4 ล้านบาท ลดลง 48.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน อัตรากําไรสุทธิอยู่ที่ 14.6% อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ 766.8 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากสัญญาณการฟื้นตัวของลูกค้ารายหลัก จากการกลับมาสั่งซื้อของลูกค้า ส่งผลให้อัตรากําไรสุทธิในไตรมาส 4 อยู่ที่ 16.1% คงที่เมื่อเทียบกับ 16.1% ของไตรมาส 3 ปี 2566 กำไรขาดทุนเสมือน (ลบ.)

พัฒนาการที่สำคัญ

ในปี 2566 บริษัทฯ ขยายก่อตั้งบริษัทในเครือที่ประเทศเนเธอร์แลนด์และประเทศจีน บริษัทฯได้ลูกค้าใหม่แบรนด์ระดับโลกรายที่สี่ขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญกับหนึ่งในผู้ค้าปลีกชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เปิดตัว i-Cattery ศูนย์วิจัยอาหารแมว และเริ่มโครงการอาหารเสริมกับแบรนด์ระดับโลก บริษัทฯสร้างโรงงานใหม่และจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 2567 โดยจะเพิ่มกำลังการผลิต 18.7% นอกจากนี้ มีการลงทุนในระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) ที่โรงงานสงขลา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568

แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ

ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ เช่นทูน่าและไก่ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โลจิสติกส์ และความท้าทายในด้านสถานการณ์เศรษฐกิจ

กลยุทธ์ของบริษัทฯในการบรรเทาความเสี่ยง ได้แก่ การปรับขึ้นราคาสินค้า การหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลาย การป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน การใช้ automation รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

รางวัลและความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัท

บริษัทฯได้รับรางวัล“Best CEO”, “Best CFO”, “Best IR”, และอื่นๆ จากนิตยสาร Finance Derivative และ Global Business Review และรางวัลด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานจากกระทรวงแรงงาน

โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ
อาหารสัตว์เลี้ยง 97% อื่นๆ 3%
ข้อมูลหลักทรัพย์
SET / AGRO / FOOD
ราคาปิด ITC SET index 36.00 22.50 9.00 1725.00 1569.00 1413.00 1257.00 3-1-66 31-3-66 4-7-66 29-9-66 28-12-66
ณ วันที่ 28/12/66 ITC FOOD SET
P/E (เท่า) 28.97 30.60 18.42
P/BV (เท่า) 2.91 1.54 1.36
Dividend yield (%) 0.95 3.37 3.32
28/12/66 30/12/65 -
Market Cap (ลบ.) 63,300.00 90,000.00 N/A
ราคา (บาท/หุ้น) 21.10 30.00 N/A
P/E (เท่า) 28.97 22.54 N/A
P/BV (เท่า) 2.91 3.96 N/A
CG Report:
Company Rating:
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ณ วันที่ 01/03/2567
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (78.82%)
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (2.03%)
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED (0.74%)
นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี (0.67%)
BNP PARIBAS SINGAPORE BRANCH (0.61%)
อื่น ๆ (17.13%)
ช่องทางการติดต่อบริษัท
http://www.i-tail.com
itail_ir@thaiunion.com
0-2298-0029 , 0-2298-0433-9 ต่อ 2810 หรือ 2812
เลขที่ 979-92/94 ชั้น 29 อาคารเอสเอ็มทาวเวอร์ ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
ข้อมูลการซื้อขายอื่น ๆ : https://www.settrade.com/C04_01_stock_quote_p1.jsp?txtSymbol=ITC
หมายเหตุ : เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทจดทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนแก่ผู้ลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น บริษัทจดทะเบียนไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและควรขอรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี และบริษัทจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้ใดนำเอกสารหรือข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทจดทะเบียนก่อน หากผู้ลงทุนมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัท สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากรายงานหรือสารสนเทศที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านช่องทางของสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และ/หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย