บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เดิมชื่อ บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT ต่อมาได้รับการอนุมัติจากบอร์ด SAWAD เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี 2562 โดย บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด ได้เข้าถือหุ้น 90% ในบริษัท เอส ลีสซิ่ง จำกัด และ 100% ในบริษัท คาเธ่ย์ ลีสซิ่ง จำกัด ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ
การเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 100% จึงทำให้บริษัท เงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT มีบริษัทในเครือรวม 2 บริษัทฯ และในเวลาเดียวกันเพื่อให้สอดคล้องกับประเภทธุรกิจที่ดำเนินการ บริษัทฯได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP”
| 2566 | 2565 | 2564 | 2563 |
|---|
| รายได้ | 7,164.66 | 3,779.10 | 1,466.26 | 3,562.86 |
| ค่าใช้จ่าย | 5,077.51 | 2,013.80 | 533.19 | 1,857.44 |
| กำไร (ขาดทุน) สุทธิ | 904.31 | 660.61 | 913.18 | 1,567.19 |
| สินทรัพย์ | 38,203.91 | 25,042.28 | 14,249.81 | 19,582.04 |
| หนี้สิน | 28,262.86 | 14,009.64 | 4,506.13 | 9,985.40 |
| ส่วนผู้ถือหุ้น | 9,777.20 | 10,931.51 | 9,743.67 | 9,596.65 |
| กิจกรรมดำเนินงาน | -12,849.13 | -5,329.99 | 2,428.68 | 2,750.91 |
| กิจกรรมลงทุน | -110.11 | 1,593.68 | -1,509.97 | 56.65 |
| กิจกรรมจัดหาเงิน | 12,974.24 | 3,615.52 | -789.76 | -3,262.68 |
| กำไรต่อหุ้น (บาท) | 0.14 | 0.84 | 1.66 | 2.84 |
| อัตรากำไรขั้นต้น (%) | ||||
| อัตรากำไรสุทธิ (%) | 13.38 | 30.09 | 62.28 | 43.99 |
| D/E Ratio (เท่า) | 2.84 | 1.27 | 0.46 | 1.04 |
| ROE (%) | 8.73 | 6.04 | 9.44 | 16.60 |
| ROA (%) | 6.60 | 7.05 | 7.13 | 10.82 |
บริษัทต้องการเป็นสถาบันการเงินที่มีคุณภาพในระดับสากล และขยายการเติบโตสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน
บริษัทตั้งเป้าพัฒนาองค์กรโดยยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG โดยคำถึงถึง เศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม
หลังจากการควบรวมกิจการแล้ว บริษัทดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่รายได้ และสินทรัพย์รวมของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพ คำนึงถึงคุณภาพของลูกหนี้ เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงานสำหรับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรรวมสุทธิ 958.62 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่ จำนวน 1,134.59 ล้านบาท ลดลง 175.97 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.51 ในขณะที่สินทรัพย์รวมของบริษัท ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง จาก 25,149.21 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 มาอยู่ที่ 38,176.56 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 หรือเพิ่มขึ้น 13,027.35 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.80 แสดงถึงความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินบริษัทและบริษัทย่อย
พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการให้บริการสินเชื่อ ให้มีความทันสมัยและใช้ฐานข้อมูลที่มีความหลากหลายจากภายนอกและภายในประกอบในการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีคุณภาพ
คณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารของบริษัทให้ความสำคัญต่อการควบคุมภายในที่ดี และผูกพันในการดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการความเสี่ยง และความเพียงพอของการควบคุมภายในสำหรับการดำเนินงานทุกด้านของบริษัท โดยบริษัทกำหนดให้ทุกหน่วยงานของบริษัทยึดถือแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการควบคุมภายในเพื่อเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเพื่อเป็นหลักปฏิบัติของพนักงาน นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการสอบทานประสิทธิผล และความพอเพียงของกระบวนการบริหารความเสี่ยง และระบบการควบคุมภายในโดยคณะกรรมการตรวจสอบผ่านการหารือ และประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบภายใน ซึ่งสาระสำคัญประกอบด้วยการพิจารณาความเหมาะสมของขอบเขต ภาระความรับผิดชอบ แผนการปฏิบัติงาน รวมถึงผลการประเมินความเพียงพอ และคุณภาพของระบบการควบคุมภายใน และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัทในกรณีที่มีข้อเสนอแนะ หรือพบข้อบกพร่องที่เป็นสาระสำคัญ เพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป
| ณ วันที่ 28/12/66 | SCAP | FIN | SET |
|---|---|---|---|
| P/E (เท่า) | 21.23 | 17.37 | 18.42 |
| P/BV (เท่า) | 2.37 | 1.69 | 1.36 |
| Dividend yield (%) | 9.09 | 3.43 | 3.32 |
| 28/12/66 | 30/12/65 | 30/12/64 | |
|---|---|---|---|
| Market Cap (ลบ.) | 22,901.95 | 34,808.36 | 16,123.98 |
| ราคา (บาท/หุ้น) | 3.52 | 26.75 | 29.25 |
| P/E (เท่า) | 21.23 | 64.66 | 16.07 |
| P/BV (เท่า) | 2.37 | 3.27 | 1.68 |
