ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารพาณิชย์มากว่า 18 ปี ให้บริการด้านการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) และสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อธุรกิจรายย่อย (Nano and Micro Finance) แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงให้บริการสินเชื่อบ้าน (Home Loan) และช่องทางธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Digital Platform)
3M67 | 3M66 | 2566 | 2565 |
---|
รายได้ | 4,512.73 | 16,604.31 | 13,451.43 | |
ค่าใช้จ่าย | 3,960.63 | 12,145.40 | 10,491.59 | |
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ | 449.58 | 3,556.78 | 2,352.52 |
สินทรัพย์ | 174,225.06 | 163,444.33 | 143,189.47 | |
หนี้สิน | 154,396.24 | 145,939.20 | 128,807.89 | |
ส่วนผู้ถือหุ้น | 19,828.82 | 17,505.13 | 14,381.58 |
กิจกรรมดำเนินงาน | 3,807.52 | -4,286.36 | -3,999.52 | |
กิจกรรมลงทุน | -5,573.85 | -357.13 | 2,634.15 | |
กิจกรรมจัดหาเงิน | 1,815.31 | 4,652.85 | 1,405.04 |
กำไรต่อหุ้น (บาท) | 0.37 | 3.05 | 4.56 | |
อัตรากำไรขั้นต้น (%) | ||||
อัตรากำไรสุทธิ (%) | 9.96 | 21.42 | 17.49 | |
D/E Ratio (เท่า) | 7.79 | 8.34 | 8.96 | |
ROE (%) | 15.78 | 22.31 | 16.36 | |
ROA (%) | 3.82 | 4.58 | 3.21 |
ธนาคารไทยเครดิตมุ่งมั่นสู่การเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มลูกค้ารายย่อยด้วยรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชนคนไทยทุกภูมิภาค โดยกลยุทธ์หลักในปี 2567 ยังคงเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การเติบโตของสินเชื่อหลัก 2) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3) การพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของธนาคารในระยะยาว เพื่อการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2567 ธนาคารไทยเครดิตตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อเป็นเลขสองหลัก ส่วนต่างรายได้อัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 8.0-8.5% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้คงที่ และเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (%NPLs) ที่น้อยกว่า 4.5% อย่างไรก็ตามธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อแบบระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงติดตามคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้อย่างรอบคอบ และใช้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม รักษาความมั่นคงทางการเงินของธนาคารฯ และเพิ่มความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในอนาคต
ไทยเครดิตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตทางธุรกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของธนาคารฯ และยกระดับชีวิตทางการเงินได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจและสังคม ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจ "Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ"
1. ธนาคารฯ สานต่อ โครงการตังค์โต Know-How ปีที่ 8 โดยในไตรมาส Q1/2567 มีผู้เข้าอบรมกว่า 13,458 คน ผ่านศูนย์การเรียนรู้ ระบบออนไลน์และการจัดอบรมนอกสถานที่
2. ไทยเครดิต SME กล้าให้ จัดอบรมหลักสูตรพัฒนาผู้บริหารธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี รุ่นที่ 2 ในหัวข้อ "บัญชีสำหรับผู้ประกอบการ SMEs" (Micro MBA) พัฒนาหลักสูตรโดยนิด้า เพื่อเสริมศักยภาพเจ้าของธุรกิจ ให้ได้อัปเดตความรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดธุรกิจ
3. ธนาคารฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมกันขันเคลื่อนภารกิจให้ความรู้และส่งเสริมวินัยทางการเงินแก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1Q/2567 ธนาคารฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 16.4% YoY ปัจจัยหลักจากเงินให้สินเชื่อที่ยังเติบโต 12.0% YoY นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ อยู่ในระดับต่ำที่ 38.1%
ในไตรมาส 1Q/2567 อัตราส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ของธนาคารฯ ยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 8.7% เท่ากับปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิต่อส่วนของเจ้าของ (ROE) ยังอยู่ระดับสูงที่ 17.7% นอกจากนี้ธนาคารฯ ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตสำหรับเงินให้สินเชื่อที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 YoY เนื่องจากนโยบายการดำเนินงานอย่างรัดกุมเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารฯ ในไตรมาส 1Q/2567 เท่ากับ 3,544.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% YoY เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารฯ เพิ่มขึ้น 20.4% YoY เป็น 4,352.6 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้น 18.8% YoY เนื่องมาจากปริมาณเงินให้สินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักของธนาคารฯ
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของธนาคารฯ ในไตรมาส 1Q/2567 เพิ่มขึ้น 41.4% เป็น 808.3 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากปริมาณเงินฝากที่เพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สอดคล้องการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 449.6 ล้านบาท ลดลง 51.5% สาเหตุหลักจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้สินเชื่อจัดชั้นที่ 2 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นผลกระทบเพียงครั้งเดียว
การบริหารความเสี่ยงถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธนาคารฯ โดยธนาคารฯ ได้มีการวางแผนการกำกับดูแลความเสี่ยงที่มุ่งเน้นการพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบบริหารความเสี่ยงในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสมและครอบคลุมทุกด้านสำคัญ สอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งตอบสนองต่อความท้าทายด้านคุณภาพสินเชื่อโดยเฉพาะในสถานะการณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ธนาคารฯ ไม่อาจควบคุมได้
นอกจากนี้ธนาคารฯ ได้จัดโครงสร้างองค์กรให้มีการถ่วงดุลอำนาจ และกระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงยึดหลักธรรมาภิบาลที่ดีและมีระบบการรายงานติดตามความเสี่ยง เครื่องมือจัดการ ตลอดจนกระบวนการเพื่อใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความเสี่ยงและหน้าที่ความรับผิดชอบของตนผ่านนโยบายบริหารความเสี่ยง
ณ วันที่ 29/03/67 | CREDIT | BANK | SET |
---|---|---|---|
P/E (เท่า) | 9.25 | 7.45 | 18.10 |
P/BV (เท่า) | 1.70 | 0.64 | 1.33 |
Dividend yield (%) | - | 5.81 | 3.38 |
29/03/67 | - | - | |
---|---|---|---|
Market Cap (ลบ.) | 32,883.49 | N/A | N/A |
ราคา (บาท/หุ้น) | 26.75 | N/A | N/A |
P/E (เท่า) | 9.25 | N/A | N/A |
P/BV (เท่า) | 1.70 | N/A | N/A |