CREDIT : ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)
3M/2567 (ม.ค. - มี.ค. 2567)
ภาพรวมธุรกิจ

ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารพาณิชย์มากว่า 18 ปี ให้บริการด้านการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) และสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อธุรกิจรายย่อย (Nano and Micro Finance) แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงให้บริการสินเชื่อบ้าน (Home Loan) และช่องทางธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Digital Platform)

งบการเงิน
3M67 3M66 2566 2565
งบกำไรขาดทุน (ลบ.)
รายได้ 4,512.73   16,604.31 13,451.43
ค่าใช้จ่าย 3,960.63   12,145.40 10,491.59
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 449.58   3,556.78 2,352.52
งบแสดงฐานะทางการเงิน (ลบ.)
สินทรัพย์ 174,225.06   163,444.33 143,189.47
หนี้สิน 154,396.24   145,939.20 128,807.89
ส่วนผู้ถือหุ้น 19,828.82   17,505.13 14,381.58
งบกระแสเงินสด (ลบ.)
กิจกรรมดำเนินงาน 3,807.52   -4,286.36 -3,999.52
กิจกรรมลงทุน -5,573.85   -357.13 2,634.15
กิจกรรมจัดหาเงิน 1,815.31   4,652.85 1,405.04
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.37   3.05 4.56
อัตรากำไรขั้นต้น (%)        
อัตรากำไรสุทธิ (%) 9.96   21.42 17.49
D/E Ratio (เท่า) 7.79   8.34 8.96
ROE (%) 15.78   22.31 16.36
ROA (%) 3.82   4.58 3.21
แผนธุรกิจ

ธนาคารไทยเครดิตมุ่งมั่นสู่การเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มลูกค้ารายย่อยด้วยรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชนคนไทยทุกภูมิภาค โดยกลยุทธ์หลักในปี 2567 ยังคงเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การเติบโตของสินเชื่อหลัก 2) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3) การพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของธนาคารในระยะยาว เพื่อการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2567 ธนาคารไทยเครดิตตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อเป็นเลขสองหลัก ส่วนต่างรายได้อัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 8.0-8.5% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้คงที่ และเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (%NPLs) ที่น้อยกว่า 4.5% อย่างไรก็ตามธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อแบบระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงติดตามคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้อย่างรอบคอบ และใช้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม รักษาความมั่นคงทางการเงินของธนาคารฯ และเพิ่มความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในอนาคต

แผนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน

ไทยเครดิตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตทางธุรกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของธนาคารฯ และยกระดับชีวิตทางการเงินได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจและสังคม ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจ "Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ"

1. ธนาคารฯ สานต่อ โครงการตังค์โต Know-How ปีที่ 8 โดยในไตรมาส Q1/2567 มีผู้เข้าอบรมกว่า 13,458 คน ผ่านศูนย์การเรียนรู้ ระบบออนไลน์และการจัดอบรมนอกสถานที่

2. ไทยเครดิต SME กล้าให้ จัดอบรมหลักสูตรพัฒนาผู้บริหารธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี รุ่นที่ 2 ในหัวข้อ "บัญชีสำหรับผู้ประกอบการ SMEs" (Micro MBA) พัฒนาหลักสูตรโดยนิด้า เพื่อเสริมศักยภาพเจ้าของธุรกิจ ให้ได้อัปเดตความรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดธุรกิจ

3. ธนาคารฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมกันขันเคลื่อนภารกิจให้ความรู้และส่งเสริมวินัยทางการเงินแก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ

Highlight ที่น่าสนใจของบริษัท

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1Q/2567 ธนาคารฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 16.4% YoY ปัจจัยหลักจากเงินให้สินเชื่อที่ยังเติบโต 12.0% YoY นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ อยู่ในระดับต่ำที่ 38.1%

ในไตรมาส 1Q/2567 อัตราส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ของธนาคารฯ ยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 8.7% เท่ากับปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิต่อส่วนของเจ้าของ (ROE) ยังอยู่ระดับสูงที่ 17.7% นอกจากนี้ธนาคารฯ ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตสำหรับเงินให้สินเชื่อที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 YoY เนื่องจากนโยบายการดำเนินงานอย่างรัดกุมเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารฯ ในไตรมาส 1Q/2567 เท่ากับ 3,544.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% YoY เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารฯ เพิ่มขึ้น 20.4% YoY เป็น 4,352.6 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้น 18.8% YoY เนื่องมาจากปริมาณเงินให้สินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักของธนาคารฯ

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของธนาคารฯ ในไตรมาส 1Q/2567 เพิ่มขึ้น 41.4% เป็น 808.3 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากปริมาณเงินฝากที่เพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สอดคล้องการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 449.6 ล้านบาท ลดลง 51.5% สาเหตุหลักจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้สินเชื่อจัดชั้นที่ 2 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นผลกระทบเพียงครั้งเดียว

พัฒนาการที่สำคัญ
  • ธนาคารฯ เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มธุรกิจการเงิน/ธนาคาร โดยใช้ตัวย่อ "CREDIT" พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ในการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เข้ามาระดมทุน (IPO) ในรอบ 10 ปี
  • ธนาคารฯ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจกับ บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำเสนอโซลูชันการลงทุนอย่างยั่งยืน โดยการเพิ่มช่องทางขายกองทุนรวมผ่านทางธนาคารไทยเครดิต
  • ธนาคารฯ เปิดตัวสินเชื่อเพื่อร้านค้าออนไลน์ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ 
  • ธนาคารฯ เปิดสาขาเงินฝากใหม่ 1 สาขา ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งหมด 29 สาขา
แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ

การบริหารความเสี่ยงถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธนาคารฯ โดยธนาคารฯ ได้มีการวางแผนการกำกับดูแลความเสี่ยงที่มุ่งเน้นการพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบบริหารความเสี่ยงในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสมและครอบคลุมทุกด้านสำคัญ สอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งตอบสนองต่อความท้าทายด้านคุณภาพสินเชื่อโดยเฉพาะในสถานะการณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ธนาคารฯ ไม่อาจควบคุมได้

นอกจากนี้ธนาคารฯ ได้จัดโครงสร้างองค์กรให้มีการถ่วงดุลอำนาจ และกระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงยึดหลักธรรมาภิบาลที่ดีและมีระบบการรายงานติดตามความเสี่ยง เครื่องมือจัดการ ตลอดจนกระบวนการเพื่อใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความเสี่ยงและหน้าที่ความรับผิดชอบของตนผ่านนโยบายบริหารความเสี่ยง

รางวัลและความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัท
  • ธนาคารฯ ได้รับการจัดอันดับที่ 7 ของธนาคารแห่งปี 2567 (ปรับขึ้นมาจากอันดับที่ 9 ในปีก่อน) จากนิตยาสารการเงินธนาคาร และได้อันดับที่ 1 ของอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)
  • ธนาคารฯ ได้รางวัล Most Innovative SME Bank จาก International Finance Awards 2023
โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ
สินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี 67.1% สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิต 14.9% สินเชื่อบ้าน 15.4% อื่นๆ 2.6%
ข้อมูลหลักทรัพย์
SET / FINCIAL / BANK
ราคาปิด CREDIT SET index 36.00 18.00 0.00 1625.00 1511.00 1397.00 1283.00 3-4-66 7-7-66 4-10-66 4-1-67 29-3-67
ณ วันที่ 29/03/67 CREDIT BANK SET
P/E (เท่า) 9.25 7.45 18.10
P/BV (เท่า) 1.70 0.64 1.33
Dividend yield (%) - 5.81 3.38
29/03/67 - -
Market Cap (ลบ.) 32,883.49 N/A N/A
ราคา (บาท/หุ้น) 26.75 N/A N/A
P/E (เท่า) 9.25 N/A N/A
P/BV (เท่า) 1.70 N/A N/A
CG Report:
-
Company Rating:
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ณ วันที่ 05/03/2567
บริษัท วี เอ็น บี โฮลดิ้ง จำกัด (50.77%)
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (9.62%)
OCA Investment Holdings I Pte. Ltd. (7.56%)
นาย วิญญู ไชยวรรณ (6.38%)
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE A) NOMINEES LIMITED (4.23%)
อื่น ๆ (21.44%)
ช่องทางการติดต่อบริษัท
http://www.thaicreditbank.com
ir@thaicreditbank.com
0-2697-5300 Ext. 4197
123 ชั้น 1 อาคารไทยประกันชีวิต ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
ข้อมูลการซื้อขายอื่น ๆ : https://www.settrade.com/C04_01_stock_quote_p1.jsp?txtSymbol=CREDIT
หมายเหตุ : เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทจดทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนแก่ผู้ลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น บริษัทจดทะเบียนไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและควรขอรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี และบริษัทจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้ใดนำเอกสารหรือข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทจดทะเบียนก่อน หากผู้ลงทุนมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัท สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากรายงานหรือสารสนเทศที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านช่องทางของสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และ/หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย