บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “SHR”) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาและบริหารจัดการโรงแรม โดยมุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจและพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจหรือทรัพย์สินที่มีศักยภาพการเติบโตสูง บนเป้าหมายเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ ส่งมอบประสบการณ์ในการท่องเที่ยวและการเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ทระดับบนในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordable luxury) ภายใต้การให้บริการที่เป็นเลิศในทุกด้าน โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ของปี 2567 บริษัทฯ มีโรงแรมจำนวนทั้งสิ้น 37 แห่ง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส และสหราชอาณาจักร โดยทำเลที่ตั้งของโรงแรมมีความกระจายตัวทั้งในเชิงภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ฤดูกาลท่องเที่ยว และรูปแบบการบริหาร ส่งผลให้เกิดประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และสร้างความหลากหลายที่ยั่งยืน
3M67 | 3M66 | 2566 | 2565 |
---|
รายได้ | 2,801.06 | 2,576.76 | 10,096.75 | 8,824.29 |
ค่าใช้จ่าย | 2,320.67 | 2,180.98 | 8,702.16 | 7,954.82 |
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ | 111.62 | 124.88 | 86.41 | 14.38 |
สินทรัพย์ | 39,325.93 | 36,139.86 | 37,722.70 | 36,449.60 |
หนี้สิน | 22,234.68 | 20,166.34 | 21,631.66 | 20,430.43 |
ส่วนผู้ถือหุ้น | 17,091.25 | 15,973.52 | 16,091.05 | 16,019.17 |
กิจกรรมดำเนินงาน | 554.21 | 345.00 | 992.35 | 1,699.90 |
กิจกรรมลงทุน | -214.87 | -555.11 | -1,622.83 | 50.89 |
กิจกรรมจัดหาเงิน | -191.36 | -151.77 | 373.66 | -1,189.19 |
กำไรต่อหุ้น (บาท) | 0.03 | 0.03 | 0.02 | 0.00 |
อัตรากำไรขั้นต้น (%) | 40.45 | 36.92 | 34.79 | 33.19 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) | 3.99 | 4.85 | 0.86 | 0.16 |
D/E Ratio (เท่า) | 1.30 | 1.26 | 1.34 | 1.28 |
ROE (%) | 0.44 | 2.18 | 0.54 | 0.09 |
ROA (%) | 3.52 | 3.51 | 3.51 | 2.36 |
บริษัทฯ แสวงหาโอกาสในการเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการ และสินทรัพย์ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ด้วยงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า และมุ่งมั่นยกระดับแบรนด์ทราย (SAii) ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับลักซ์ชัวรี่อย่างยั่งยืน และจะนำความแข็งแกร่งของแบรนด์มาใช้ต่อยอดการเติบโตที่ยืดหยุ่นมากขึ้นและมีข้อจำกัดลดลงภายใต้โมเดลธุรกิจแบบ Asset-Light ขณะเดียวกัน บริษัทฯ วางแผนปรับปรุงห้องพักอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยวางงบกว่า 1 พันล้านบาท ในการต่อ ยอดความสำเร็จในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับแผนปรับปรุงโรงแรม และ Reposition & Rebrand โรงแรมที่มีศักยภาพในสหราชอาณาจักร คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาสินค้าและการให้บริการต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้รายได้ที่ไม่ใช่ห้องพักเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคงในอนาคต
บริษัทฯ มุ่งสร้างคุณค่าทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเติมเต็มประสบการณ์การเดินทาง (Enriching journey) สอดคล้องกับแนวความคิดการสร้างคุณค่าให้ชีวิต (Enriching Life) และสร้างสังคมคุณภาพให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ รวมถึงให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDG 2030) ในหลายเป้าหมายด้วยกัน เช่น การพิจารณาใช้แหล่งพลังงานสะอาดผ่านทางการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การดูแลและให้ความสำคัญกับทรัพยากรน้ำและสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ การจัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Center) รวมถึงการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียภายในห่วงโซ่ธุรกิจ
บริษัทฯ รายงาน ADR ในไตรมาส 1 ของปี 2567 เติบโตขึ้นร้อยละ 24 จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 7,165 บาท ชดเชยอัตราเข้าพักเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอที่ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 65 ซึ่งเป็นผลมาจากสัญญา Exclusive-Use ของโรงแรม Mercure London Watford ที่สิ้นสุดลง ณ สิ้นปี 2566 ส่งผลให้ระดับรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ในภาพรวมของทั้งพอร์ตโฟลิโอเติบโตขึ้นร้อยละ 16 อยู่ที่ระดับ 4,638 บาท โดยโรงแรมในประเทศไทย และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สามารถปรับเพิ่ม ADR ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ส่งผลให้ระดับ RevPAR เติบโตขึ้นโดดเด่นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 15 และร้อยละ 36 ตามลำดับ เช่นเดียวกับโรงแรมในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 5 จากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวทีขยายตัวต่อเนื่อง
สำหรับไตรมาส 1 ของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 2,743 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 8 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากศักยภาพในการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ และความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยโรงแรมในประเทศไทย และโรงแรม 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS มีรายได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15 และร้อยละ 12 ตามลำดับ เช่นเดียวกับโรงแรมในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิที่มีรายได้เติบโตขึ้นร้อยละ 29 จากรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ของปี 2567 บริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA เติบโตขึ้นร้อยละ 12 อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ประกอบกับผลประกอบการในช่วง Ramping-up Period ของโรงแรมโซ/ มัลดีฟส์ ส่งผลให้บริษัทฯรายงานกำไรสุทธิลดลงจากไตรมาส 1 ของปี 2566 อยู่ที่ 112 ล้านบาท
ในเดือนเมษายน 2567 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประเมินและคงอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรของบริษัทฯ อยู่ที่ระดับ ‘BBB+’ แนวโน้ม ‘คงที่’ (Stable) และคงอันดับหุ้นกู้ของบริษัทฯ ไว้ที่ระดับ ‘BBB’ ซึ่งเป็น กลุ่ม ‘ระดับลงทุน’ (Investment grade) ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ (Major Renovation) ในระยะที่ 2 ของโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต ครอบคลุมห้องพักจำนวน 173 ห้อง และพื้นที่ส่วนกลางบางส่วน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2567 พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season ถัดไป โดยตั้งเป้าหมายอัตราค่าห้องพักภายหลังการปรับปรุงจะเติบโตขึ้นได้ร้อยละ 15-20
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงและการกำกับกิจการที่ดี โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ อาทิเช่น ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ อันเป็นผลมาจากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลต่อราคาพลังงาน ซึ่งทางบริษัทฯ ได้มีการทำ Hedging ต้นทุนพลังงานที่ใช้ในสหราชอาณาจักร เพื่อให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม รวมถึงการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และมีการกำหนดราคาห้องพักให้สอดคล้องกับต้นทุนที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการกำหนดนโยบายเพื่อบริหารความเสี่ยงด้านการเงินอันเกิดจากอัตราดอกเบี้ยผ่านการทำ IRS Hedging บนเงินกู้ยืมในสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯและปอนด์ ซึ่งเป็นเงินกู้หลักของบริษัทฯ ในสัดส่วนเฉลี่ยกว่า 80% ของวงเงินกู้ยืม ประกอบกับการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสม โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้่ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นไตรมาส 1 ของปี 2567 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.83 เท่า
บริษัทฯ ได้รับผลประเมินระดับ "A" และถูกจัดให้อยู่ใน “รายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings" ประจำปี 2566 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน รวมถึงได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ "ดีเลิศ" (Excellent CG Scoring) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนของ SET เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ โรงแรมและโครงการของบริษัทฯ รวมทั้งหมด 6 แห่ง ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรีน โกลบ (Green Globe Certification) แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการพัฒนา และบริหารธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และชุมชนท้องถิ่น
ณ วันที่ 29/03/67 | SHR | TOURISM | SET |
---|---|---|---|
P/E (เท่า) | 112.29 | 45.93 | 18.10 |
P/BV (เท่า) | 0.60 | 1.87 | 1.33 |
Dividend yield (%) | 0.56 | 1.42 | 3.38 |
29/03/67 | 28/12/66 | 30/12/65 | |
---|---|---|---|
Market Cap (ลบ.) | 9,702.83 | 8,121.63 | 14,662.05 |
ราคา (บาท/หุ้น) | 2.70 | 2.26 | 4.08 |
P/E (เท่า) | 112.29 | 62.22 | - |
P/BV (เท่า) | 0.60 | 0.48 | 0.86 |