CREDIT : ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)
6M/2567 (ม.ค. - มิ.ย. 2567)
ภาพรวมธุรกิจ

ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารพาณิชย์มากว่า 18 ปี ให้บริการด้านการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) และสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อธุรกิจรายย่อย (Nano and Micro Finance) แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงให้บริการสินเชื่อบ้าน (Home Loan) และช่องทางธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Digital Platform)

งบการเงิน
6M67 6M66 2566 2565
งบกำไรขาดทุน (ลบ.)
รายได้ 9,188.56   16,604.31 13,451.43
ค่าใช้จ่าย 7,612.94   12,145.40 10,491.59
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1,269.72   3,556.78 2,352.52
งบแสดงฐานะทางการเงิน (ลบ.)
สินทรัพย์ 175,224.33   163,444.33 143,189.47
หนี้สิน 154,549.81   145,939.20 128,807.89
ส่วนผู้ถือหุ้น 20,674.53   17,505.13 14,381.58
งบกระแสเงินสด (ลบ.)
กิจกรรมดำเนินงาน -1,555.80   -4,286.36 -3,999.52
กิจกรรมลงทุน -162.54   -357.13 2,634.15
กิจกรรมจัดหาเงิน 1,661.41   4,652.85 1,405.04
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
กำไรต่อหุ้น (บาท) 1.04   3.05 4.56
อัตรากำไรขั้นต้น (%)        
อัตรากำไรสุทธิ (%) 13.82   21.42 17.49
D/E Ratio (เท่า) 7.48   8.34 8.96
ROE (%) 14.81   22.31 16.36
ROA (%) 3.87   4.58 3.21
แผนธุรกิจ

ธนาคารไทยเครดิตมุ่งมั่นสู่การเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มลูกค้ารายย่อยด้วยรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชนคนไทยทุกภูมิภาค โดยกลยุทธ์หลักในปี 2567 ยังคงเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การเติบโตของสินเชื่อหลัก 2) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3) การพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของธนาคารในระยะยาว เพื่อการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2567 ธนาคารไทยเครดิตตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อเป็นเลขสองหลัก ส่วนต่างรายได้อัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 8.5-9.0% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้คงที่ และเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (%NPLs) ที่น้อยกว่า 4.5% อย่างไรก็ตามธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อแบบระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงติดตามคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้อย่างรอบคอบ และใช้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม รักษาความมั่นคงทางการเงินของธนาคารฯ และเพิ่มความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในอนาคต

แผนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน

ไทยเครดิตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตทางธุรกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของธนาคารฯ และยกระดับชีวิตทางการเงินได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจและสังคม ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจ "Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ"

1. ธนาคารฯ สานต่อ โครงการตังค์โต Know-How ปีที่ 8 โดยในไตรมาส 1H/2567 มีผู้เข้าอบรมกว่า 30,114 คน และจัดอบรมไปแล้วกว่า 885 ครั้ง ผ่านศูนย์การเรียนรู้ ระบบออนไลน์และการจัดอบรมนอกสถานที่

2. ธนาคารฯ ร่วมให้ความรู้เทคนิคการตั้งเป้าหมายทางการเงินในหัวข้อเรื่อง “อายุ 60+ บริหารเงินสำหรับวัยเก๋าหลังเกษียณ“ 

3. ธนาคารฯ จัดเสวนา “ด้วย ‘รักษ์’ กับนักธุรกิจยุคใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เพื่อให้การสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจและแบ่งปันแนวคิดในการทำธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 

Highlight ที่น่าสนใจของบริษัท

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2Q/2567 ธนาคารฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 82.4% QoQ เป็น 820.1 ล้านบาท ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ปัจจัยหลักจากธนาคารฯ ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวน รวมถึงค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้สินเชื่อชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ลดลงจากการเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เงินให้สินเชื่อโดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในไตรมาส 2Q/2567 นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพโดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ ที่อยู่ในระดับต่ำที่ 38.3% ในไตรมาส 2Q/2567

ทั้งนี้อัตราส่วนต่างอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 2Q/2567 ยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 8.6% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1Q/2567 อย่างไรก็ตามธนาคารฯ ยังคงดำเนินงานอย่างรัดกุมเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารฯ ในไตรมาส 2Q/2567 เพิ่มขึ้น 4.1% จากเดิม 4,352.6 ล้านบาท ใน ไตรมาส 1Q/2567 เป็น 4,533.1 ล้านบาท ในไตรมาส 2Q/2567 โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ 170.4 ล้านบาท เนื่องมาจากปริมาณเงินให้สินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักของธนาคารฯ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี และสินเชื่อบ้านแลกเงิน รวมถึงรายได้ระหว่างธนาคารและตลาดเงิน และเงินลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของธนาคารฯ ในไตรมาส 2Q/2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4.9% เป็น 847.9 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ 34.7 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณเงินฝากที่เพิ่มมากขึ้นจากโปรแกรมส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะโปรแกรมเงินฝากออมทรัพย์อัลฟา รวมถึงเงินฝากประจำและเงินฝากประจำทันใจ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเงินนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากและ ธปท. เพิ่มขึ้นเท่ากับ 3.8 ล้านบาท QoQ อย่างไรก็ตามธนาคารฯ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากโปรแกรมเงินฝากประจำและเงินฝากประจำทันใจในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

พัฒนาการที่สำคัญ
  • ธนาคารฯ ร่วมลงนามโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” วงเงิน 50,000 ล้านบาท
  • ธนาคารฯ ร่วมลงนามความร่วมมือโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจไมโครเอสเอ็มอีให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ

การบริหารความเสี่ยงถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธนาคารฯ โดยธนาคารฯ ได้มีการวางแผนการกำกับดูแลความเสี่ยงที่มุ่งเน้นการพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบบริหารความเสี่ยงในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสมและครอบคลุมทุกด้านสำคัญ สอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งตอบสนองต่อความท้าทายด้านคุณภาพสินเชื่อโดยเฉพาะในสถานะการณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ธนาคารฯ ไม่อาจควบคุมได้

นอกจากนี้ธนาคารฯ ได้จัดโครงสร้างองค์กรให้มีการถ่วงดุลอำนาจ และกระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงยึดหลักธรรมาภิบาลที่ดีและมีระบบการรายงานติดตามความเสี่ยง เครื่องมือจัดการ ตลอดจนกระบวนการเพื่อใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความเสี่ยงและหน้าที่ความรับผิดชอบของตนผ่านนโยบายบริหารความเสี่ยง

รางวัลและความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัท
  • ธนาคารฯ ติด 1 ใน 500 สำหรับบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอันดับที่ 107 สำหรับบริษัทไทย เป็นครั้งแรกจาก Fortune Southeast Asia 500 โดยนิตยสารฟอร์จูน
  • ธนาคารฯ ได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลเกียรติคุณ โครงการรณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน ประจำปี 2567 โดยการสนับสนุนความรู้ทางการเงินแก่กลุ่มสตรีในหลายพื้นที่
โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ
รายได้ดอกเบี้ย 97.8% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 2.2%
ข้อมูลหลักทรัพย์
SET / FINCIAL / BANK
ราคาปิด CREDIT SET index 36.00 18.00 0.00 1605.00 1474.00 1343.00 1212.00 3-7-66 29-9-66 28-12-66 26-3-67 28-6-67
ณ วันที่ 28/06/67 CREDIT BANK SET
P/E (เท่า) 7.07 6.94 17.05
P/BV (เท่า) 1.10 0.59 1.22
Dividend yield (%) - 6.17 3.53
28/06/67 - -
Market Cap (ลบ.) 21,776.12 N/A N/A
ราคา (บาท/หุ้น) 17.70 N/A N/A
P/E (เท่า) 7.07 N/A N/A
P/BV (เท่า) 1.10 N/A N/A
CG Report:
-
Company Rating:
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ณ วันที่ 05/03/2567
บริษัท วี เอ็น บี โฮลดิ้ง จำกัด (50.77%)
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (9.62%)
OCA Investment Holdings I Pte. Ltd. (7.56%)
นาย วิญญู ไชยวรรณ (6.38%)
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE A) NOMINEES LIMITED (4.23%)
อื่น ๆ (21.44%)
ช่องทางการติดต่อบริษัท
http://www.thaicreditbank.com
ir@thaicreditbank.com
0-2697-5300 Ext. 4197
123 ชั้น 1 อาคารไทยประกันชีวิต ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
ข้อมูลการซื้อขายอื่น ๆ : https://www.settrade.com/C04_01_stock_quote_p1.jsp?txtSymbol=CREDIT
หมายเหตุ : เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทจดทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนแก่ผู้ลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น บริษัทจดทะเบียนไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและควรขอรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี และบริษัทจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้ใดนำเอกสารหรือข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทจดทะเบียนก่อน หากผู้ลงทุนมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัท สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากรายงานหรือสารสนเทศที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านช่องทางของสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และ/หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย