ITC : บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
6M/2567 (ม.ค. - มิ.ย. 2567)
ภาพรวมธุรกิจ

บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“ไอ-เทล” / “บริษัทฯ”) เป็นหนึ่งในผู้นำในการรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และได้ถูกจัดอันดับโดย www.petfoodindustry.com ให้เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food Company) อันดับ 5 ของเอเชีย ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผลิตจากวัตถุดิบหลัก คือ เนื้อปลาและเนื้อไก่ โดยใน ปี 2566 บริษัทฯ มีรายการผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั้งหมด 4,858 ชนิด จำหน่ายให้แก่ลูกค้ากว่า 435 รายในกว่า 46 ประเทศทั่วโลก โดยนอกเหนือจากการรับจ้างผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังจำหน่ายอาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ Bellotta, Marvo, ChangeTer, Calico Bay และ Paramount

งบการเงิน
6M67 6M66 2566 2565
งบกำไรขาดทุน (ลบ.)
รายได้ 8,938.70 7,083.14 16,179.50 22,776.35
ค่าใช้จ่าย 6,904.35 6,204.65 13,721.33 18,389.19
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1,830.59 870.03 2,281.38 4,470.18
งบแสดงฐานะทางการเงิน (ลบ.)
สินทรัพย์ 26,461.38 24,660.33 25,431.25 25,749.59
หนี้สิน 2,926.50 2,444.30 2,312.39 3,143.45
ส่วนผู้ถือหุ้น 23,534.69 22,215.17 23,118.26 22,607.21
งบกระแสเงินสด (ลบ.)
กิจกรรมดำเนินงาน 2,164.18 1,054.20 2,890.55 2,042.83
กิจกรรมลงทุน 49.84 -2,687.17 -2,993.54 -3,388.78
กิจกรรมจัดหาเงิน -1,059.30 -614.45 -1,374.39 12,133.83
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.61 0.29 0.76 2.52
อัตรากำไรขั้นต้น (%) 27.95 17.90 19.50 24.08
อัตรากำไรสุทธิ (%) 20.47 12.31 14.11 19.62
D/E Ratio (เท่า) 0.12 0.11 0.10 0.14
ROE (%) 14.17 14.06 9.98 33.19
ROA (%) 13.31 13.03 9.48 22.55
แผนธุรกิจ

บริษัทฯ มีเป้าหมายระยะยาวจนถึงปี 2573 ด้วยเป้ารายได้ที่ 52.5 พันล้านบาท ซึ่งมาจากรายได้จากการดำเนินงานปกติ 35.0 พันล้านบาท และรายได้จากการเข้าซื้อกิจการอีก 17.5 พันล้านบาท บริษัทฯมุ่งเน้นในการขยายธุรกิจหลักคืออาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและขนมทานเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงไปทั่วโลก เพิ่มสัดส่วนการครองตลาดของธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ในช่องทางซุปเปอร์มาร์เก็ต (private label) ในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป  รวมทั้งมีโครงการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มผลกำไรจากการดำเนินงานโดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ได้แก่ การขาย การผลิต และการจัดซื้อ บริษัทฯ กำลังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ  โดยในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเป็นผู้นำผู้รับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียมระดับโลก โดยการขยายธุรกิจทั้งการเพิ่มลูกค้ารายใหม่ ออกสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ การขยายไปยังตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

แผนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน

ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน SeaChange® ซึ่งประกาศเป้าหมายสำหรับปี 2573 ไปในไตรมาส 3 ปี 2566 เช่น เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 42 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2573 ผ่านการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่จะสามารถทดแทนการใช้ไฟฟ้าเป็น 30% ภายในปี 2570 และการเริ่มดำเนินการใช้เครื่องกำเนิดไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวลที่โรงงานสงขลา ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงจนถึง 50% จากเครื่องกำเนิดไอน้ำทั้งสองโรงงานภายในสิ้นปี 2568 จากฐานปี 2557 ทำงานร่วมกับลูกค้าแบรนด์ระดับโลกสำหรับเป้าหมายเรื่องบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลสำหรับธุรกิจรับจ้างผลิต นอกจากนั้น มีการนำระบบบำบัดน้ำเสีย Ultrafiltration and Reverse Osmosis (UFRO) มาใช้ในโรงงานที่สงขลา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ (Zero Wastewater Discharge)  

Highlight ที่น่าสนใจของบริษัท

ในครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของยอดขายและกำไร จากความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมี่ยมที่สูงขึ้น และกลยุทธ์การปรับราคา บริษัทฯ รายงานอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30.0% ในไตรมาส 2 ปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ เริ่มโครงการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนบริษัทให้บรรลุเป้าหมายรายได้จากการดำเนินงานปกติที่ 35 พันล้านบาทภายในปี 2573 นอกจากนี้ บริษัทฯ เริ่มกระบวนการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดสมุทรสาครในช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 

การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 อยู่ที่  8,595.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% โดยหลักๆ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวในครึ่งแรกของปี 2566 จากการปรับตัวสู่ระดับปกติ  สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมี่ยมที่สูงขึ้น และกลยุทธ์การปรับราคาของบริษัทฯ   กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 2,402.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตที่ลดลง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพจากแผนบริหารต้นทุน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 28.0% กำไรจากการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ 1,691.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรที่ 19.7%  แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน  แต่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงอยู่ที่ 8.3% จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในสัดส่วนที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 อยู่ที่ 1,830.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสาเหตุหลักจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง  ส่งผลให้อัตรากําไรสุทธิแข็งแกร่งอยู่ที่ 21.3% เพิ่มขึ้นจาก 12.7% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 โดยยอดขายในไตรมาส 2 ปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน และมีอัตรากำไรขั้นต้นรายไตรมาสสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30.0% จากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมี่ยมที่สูงขึ้น และต้นทุนการผลิตที่ลดลง รวมถึงการกลับรายการสำรองสินค้าคงคลัง

พัฒนาการที่สำคัญ

บริษัทฯ เริ่มกระบวนการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดสมุทรสาครในช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 โดยจะดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและขนมทานเล่นแบบเปียกอีก 18.7% จากฐานปี 2565 และ i-Cattery ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยอาหารแมวตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศ ได้รับการรับรองมาตรฐานตามข้อกำหนดของระบบมาตรฐานสากล AAALAC ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองด้านสวัสดิภาพที่ดีของสัตว์ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ITC ได้รับการคัดเลือกเป็นหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET 50 สำหรับรอบครึ่งปีหลังของปี 2567 ซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป 

แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ

ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ เช่นทูน่าและไก่ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สถานการณ์ขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก และความท้าทายในด้านสถานการณ์เศรษฐกิจ

กลยุทธ์ของบริษัทฯในการบรรเทาความเสี่ยง ได้แก่ การปรับขึ้นราคาสินค้า การหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลาย การป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน การลงทุนใน automation รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

รางวัลและความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัท

บริษัทฯ ได้รับรางวัลจากนิตยสาร Global Banking & Finance Review ในประเภท “Best Company for ESG & Sustainable Development Thailand 2024” และ “Best Investor Relations Company Thailand 2024”

โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ
อาหารสัตว์เลี้ยง 98% อื่นๆ 2%
ข้อมูลหลักทรัพย์
SET / AGRO / FOOD
ราคาปิด ITC SET index 26.00 19.50 13.00 1605.00 1474.00 1343.00 1212.00 3-7-66 29-9-66 28-12-66 26-3-67 28-6-67
ณ วันที่ 28/06/67 ITC FOOD SET
P/E (เท่า) 25.77 72.58 17.05
P/BV (เท่า) 2.93 1.53 1.22
Dividend yield (%) 2.61 2.66 3.53
28/06/67 28/12/66 30/12/65
Market Cap (ลบ.) 69,000.00 63,300.00 90,000.00
ราคา (บาท/หุ้น) 23.00 21.10 30.00
P/E (เท่า) 25.77 28.97 22.54
P/BV (เท่า) 2.93 2.91 3.96
CG Report:
Company Rating:
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ณ วันที่ 01/03/2567
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (78.82%)
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (2.03%)
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED (0.74%)
นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี (0.67%)
BNP PARIBAS SINGAPORE BRANCH (0.61%)
อื่น ๆ (17.13%)
ช่องทางการติดต่อบริษัท
http://www.i-tail.com
itail_ir@thaiunion.com
0-2298-0029 , 0-2298-0433-9 ต่อ 2810 หรือ 2812
เลขที่ 979/92-94 ชั้น 29 อาคารเอสเอ็มทาวเวอร์ ถนนพหลโยธินธิ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
ข้อมูลการซื้อขายอื่น ๆ : https://www.settrade.com/C04_01_stock_quote_p1.jsp?txtSymbol=ITC
หมายเหตุ : เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทจดทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนแก่ผู้ลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น บริษัทจดทะเบียนไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและควรขอรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี และบริษัทจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้ใดนำเอกสารหรือข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทจดทะเบียนก่อน หากผู้ลงทุนมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัท สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากรายงานหรือสารสนเทศที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านช่องทางของสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และ/หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย