| 6M68 | 6M67 | 2567 | 2566 |
|---|
| รายได้ | 1,149.30 | 1,233.63 | 2,610.82 | 2,383.34 |
| ค่าใช้จ่าย | 1,173.85 | 1,222.16 | 2,635.73 | 2,446.34 |
| กำไร (ขาดทุน) สุทธิ | -33.68 | -3.31 | -40.93 | -76.84 |
| สินทรัพย์ | 1,736.28 | 1,580.65 | 1,603.28 | 1,392.44 |
| หนี้สิน | 903.01 | 1,075.20 | 737.32 | 887.12 |
| ส่วนผู้ถือหุ้น | 833.00 | 521.85 | 864.98 | 522.59 |
| กิจกรรมดำเนินงาน | -18.56 | -126.77 | 227.75 | -19.10 |
| กิจกรรมลงทุน | 8.86 | -56.84 | -36.79 | -119.73 |
| กิจกรรมจัดหาเงิน | 141.19 | 187.43 | -194.83 | 138.02 |
| กำไรต่อหุ้น (บาท) | -0.05 | -0.01 | -0.09 | -0.19 |
| อัตรากำไรขั้นต้น (%) | 14.33 | 15.41 | 14.27 | 12.27 |
| อัตรากำไรสุทธิ (%) | -2.93 | -0.28 | -1.57 | -3.22 |
| D/E Ratio (เท่า) | 1.08 | 2.13 | 0.85 | 1.76 |
| ROE (%) | -10.53 | -4.58 | -5.90 | -13.80 |
| ROA (%) | -2.24 | 0.54 | 0.15 | -4.65 |
บริษัท มีแผนที่จะเข้าลงทุนในโครงการต้นน้ำ เพื่อเพิ่มความมั่นคงในด้านการจัดหาสินค้าชีวมวลตลอดทั้ง Supply Chain เช่นการเข้าลงทุนในโรงผลิตไม้สับ โรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่ง และการเข้าร่วมลงทุนในการจัดหาไม้ที่ได้จากป่าปลูกในระยะยาว
• ด้านการตลาด บริษัทมีแผนขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการทำสัญญาระยะยาวเพื่อเพิ่มความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
• บริษัทมุ่งมั่นที่จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขนส่งและโลจิสติกส์ โดยการหาทำเลที่เหมาะสมในการกระจายสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนในการเช่าคลังสินค้าและลดต้นทุนในการขนส่ง โดยบริษัทยังคงพัฒนาในด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง
บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการจัดหา ขนส่ง และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลครบวงจรในทวีปเอเชีย มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมามากกว่า 60 ปี โดยบริษัทมีศักยภาพในการจัดหา ขนส่งและจัดจำหน่ายสินค้าครบวงจรจากระบบโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่กระจายอยู่ทั้งในและต่างประเทศ
• บริษัทได้ประโยชน์จากแนวโน้มการใช้พลังงานทดแทนที่เติบโตโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าหลังจากที่การลงทุนของโครงการใหม่ๆซึ่งมีแนวโน้มที่จะพึ่งพิงแหล่งเขื้อเพลิงชีวมวลจากภาวะโลกร้อนทำให้หลายประเทศตระหนักและมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจะทำให้อุปทานของเชื้อเพลิงชีวมวลไม่เพียงพอในหลายๆประเทศในระยะยาว
ปริมาณการขายเชื้อเพลิงชีวมวลโดยรวมของบริษัท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อยู่ที่ 229.93 พันตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.04 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เนื่องจากมีส่งออกสินค้ากลุ่มไม้สับเพิ่มขึ้น และการขายสินค้าในประเทศในกลุ่มไม้สับ และขยะเชื้อเพลิง
รายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.75 เทียบกับเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายทั้งในประเทศและนอกประเทศ แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลง
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ร้อยละ 11.67 ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 16.56 เป็นผลมาจากราคาขายสินค้าที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับต้นทุน
ต้นทุนทางการเงินในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อยู่ที่ 7.86 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.29 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการกู้ยืมในระหว่างงวดลดลง
กล่าวโดยสรุป บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อยู่ที่ 21.96 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2567 มีกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 4.71 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนผลจากยอดอัตรากำไรขั้นต้นขายลดลงอย่างมาก จากราคาขายที่ลดลงอย่างมาก และผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท
สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.30 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมีดังนี้
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เพิ่มขึ้น ร้อยละ 420.93 เนื่องจากมีจากลูกค้าต่างประเทศชำระเข้ามาช่วงปลายไตรมาส
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นของ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.30 จากหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นทั้งเงินกู้ยืมระยะสั้น เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น สัมพันธ์กับยอดเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ที่เพิ่มขึ้น
ตุลาคม 2567 อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 292,107,010 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ได้แก่ AGE ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท ตามรายการ PP เพื่ทำรายการ share swap เพื่อเข้าซื้อหุ้น 2 รายการ ดังนี้
เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 81,860,400 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.00
ซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จ ากัด (“GRDF”) จำนวน 335,497 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว
มีนาคม 2566 ขยายกิจการโรงสับไม้โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังผลิตรวม 2 แสนตัน ต่อปี
มกราคม 2566 เข้าซื้อกิจการ บริษัท หอมหอมฟาร์ม จำกัด ทำธุรกิจดรงไม้สับในเขตภาคอีสาน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอบีเอ็ม วู้ดชิพ จำกัด
ธันวาคม 2565 ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม 100 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 1.8 บาท และจดทะเบียนเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว
กรกฎาคม 2565 เริ่มดำเนินงานคลังสินค้าที่ระยอง
28 สิงหาคม 2561 บริษัทร่วมพิธีลงนามสัญญาซื้อขายไม้โตเร็ว (Acacia Species) ล่วงหน้า ระหว่าง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และ บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) ณ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
27 กุมภาพันธ์ 2561 บริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 150 ล้านหุ้น
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รายงานประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report)ของบริษัท
https://www.asiabiomass.com/form-56-1-one-report/
รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Activities) จากกระทรวงอุตสาหกรรม
รางวัล CSR-DIW 2024 จากกระทรวงอุตสาหกรรม
| ณ วันที่ 30/06/68 | ABM | RESOURC | mai |
|---|---|---|---|
| P/E (เท่า) | - | - | 60.02 |
| P/BV (เท่า) | 0.43 | 0.51 | 1.15 |
| Dividend yield (%) | - | 1.67 | 3.94 |
| 30/06/68 | 30/12/67 | 28/12/66 | |
|---|---|---|---|
| Market Cap (ลบ.) | 366.82 | 740.57 | 644.02 |
| ราคา (บาท/หุ้น) | 0.53 | 1.07 | 1.61 |
| P/E (เท่า) | - | - | - |
| P/BV (เท่า) | 0.43 | 0.85 | 1.19 |