ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัว ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้ภาคการส่งออกไทยชะลอลง ซึ่งในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและภาคการผลิต หากอุตสาหกรรมต้นน้ำหรือคู่ค้าหลักได้รับผลกระทบ ก็จะส่งผลกระทบต่อบริษัทในลำดับถัดมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์เพื่อลดผลกระทบ พร้อมทั้งรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

ในไตรมาส 2 ปี 2568 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการทำสัญญากับลูกค้าลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากลักษณะเฉพาะของการรับรู้รายได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับกำหนดการส่งมอบงานตามแผนงานของแต่ละโครงการ ทั้งนี้ ความพร้อมของสถานที่และกระบวนการภายในของลูกค้ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการส่งมอบงาน ส่งผลให้รายได้ในแต่ละไตรมาสมีความผันผวนตามธรรมชาติของธุรกิจโครงการ

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของงวดหกเดือนแรกของปี 2568 รายได้จากการทำสัญญากับลูกค้าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท ร่วมกับการส่งมอบงานตามกำหนดการของคำสั่งซื้อที่ได้รับไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการด้านผลิตภัณฑ์เครนและรอกไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ต่อเนื่องให้กับบริษัท

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงจากปีก่อนหน้า เนื่องจากในงวดก่อนมีการส่งมอบงานโครงการพิเศษด้านวิศวกรรม ขณะที่ในงวดปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทยังคงบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้เกินร้อยละ 30 ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรบุคคลของหน่วยงานสนับสนุน และการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาระบบภายในโดยเฉพาะด้านทรัพยากรบุคคลและเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้ เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมประสิทธิภาพองค์กรและรองรับการเติบโตใน

ระยะยาว

กลุ่มบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่างานในมือรอส่งมอบ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 390 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในตลาดที่ยังคงมีอยู่สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานในโครงการภาคอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทยังคงรักษาโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำ สนับสนุนความสามารถในการลงทุนและขยายธุรกิจในอนาคตได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทยังดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยไม่มีการปรับลดขนาดกิจการ และยังคงเดินหน้าในการขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง