TU : บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
6M/2568 (ม.ค. - มิ.ย. 2568)
ภาพรวมธุรกิจ

บริษัทฯ เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก ซึ่งส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมากว่า 48 ปี บริษัทฯ เป็นเจ้าของแบรนด์อาหารทะเลชั้นนำในตลาดต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งมีเครือข่ายในการจัดหาวัตถุดิบ ผลิต และกระจายสินค้าครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยมีธุรกิจหลัก ได้แก่ อาหารทะเลแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัทฯ ได้ประกาศความมุ่งมั่นว่าจะเป็นผู้นำทางด้านอาหารทะเลที่น่าเชื่อถือที่สุดของโลก ตลอดจนใส่ใจดูแลทรัพยากรต่างๆ เพื่อรักษาให้คงไว้แก่คนรุ่นหลัง

งบการเงิน
6M68 6M67 2567 2566
งบกำไรขาดทุน (ลบ.)
รายได้ 63,578.52 69,088.42 139,570.53 137,212.85
ค่าใช้จ่าย 60,367.56 65,000.18 131,266.41 129,241.14
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,291.82 2,371.68 4,984.89 -13,933.21
งบแสดงฐานะทางการเงิน (ลบ.)
สินทรัพย์ 160,538.48 161,496.02 154,912.37 165,450.32
หนี้สิน 108,003.79 98,994.09 98,599.69 99,433.08
ส่วนผู้ถือหุ้น 45,133.13 54,966.32 48,635.02 58,628.23
งบกระแสเงินสด (ลบ.)
กิจกรรมดำเนินงาน 3,196.29 6,541.14 14,525.21 11,241.45
กิจกรรมลงทุน -2,140.50 -126.29 -6,561.54 -6,578.86
กิจกรรมจัดหาเงิน -352.68 -9,167.39 -13,854.11 -2,404.67
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.56 0.51 1.08 -3.15
อัตรากำไรขั้นต้น (%) 19.28 17.92 18.51 17.06
อัตรากำไรสุทธิ (%) 4.32 4.21 4.35 -9.62
D/E Ratio (เท่า) 2.06 1.58 1.75 1.51
ROE (%) 9.80 -20.76 9.29 -20.01
ROA (%) 5.19 5.51 5.62 4.66
แผนธุรกิจ

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในอัตรา 19% ซึ่งแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ แต่ช่วยให้เกิดความชัดเจนและผ่อนคลายความกังวลจากการคาดการณ์ก่อนหน้าที่อาจสูงกว่าอัตรานี้ บริษัทฯ ได้ปรับเป้าหมายผลการดำเนินงานปี 2568 ให้สะท้อนผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยใช้การคิดอัตราภาษีนำเข้าในอัตรา 10% ช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม และ 19% ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายที่ 1-2% จากปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 18.5-19.5% และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ในช่วง 13.5-14.0% โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ขณะที่ปรับเพิ่มวงเงินลงทุนรวมในปี 2568 ยังคงอยู่ที่ประมาณ 3.5 - 4.0 พันล้านบาท และยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

แผนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน
  • ไทยยูเนี่ยนได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SeaChange® 2030 โดยมีผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ การจัดหาปลาทูน่าอย่างมีความรับผิดชอบคิดเป็น 98.9% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Scope 1 และ 2) ลงได้ 21% และเปลี่ยนเส้นทางของขยะพลาสติกไม่ให้ไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองและมหาสมุทรได้ 234 ตัน ความสำเร็จเหล่านี้ตอกย้ำพันธกิจของไทยยูเนี่ยนในการส่งเสริม ‘การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์’
Highlight ที่น่าสนใจของบริษัท
  • บริษัทฯ รายงานยอดขายที่ 33,389 ล้านบาท ลดลง 5.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากผลกระทบเชิงลบจากอัตราแลกเปลี่ยน 4.7% และยอดขายจากการดำเนินงานปกติที่ลดลงเล็กน้อย 0.7% อย่างไรก็ดี ยอดขายจากการดำเนินงานปกติในธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
  • อัตรากำไรขั้นต้นยังคงแข็งแกร่ง โดยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.7% เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • กำไรจากการดำเนินงานตามที่ปรับปรุง (ไม่รวม transformation costs) อยู่ที่ 2,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เอื้อต่อการดำเนินงาน
  • กำไรสุทธิตามที่ปรับปรุง (ไม่รวม transformation costs) อยู่ที่ 1,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรสุทธิตามที่ประกาศอยู่ที่ 1,273 ล้านบาท
  • เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 59% และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.0%
การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน

ไทยยูเนี่ยนรายงานยอดขายอยู่ที่ 33,389 ล้านบาท ลดลง 5.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบเชิงลบจากอัตราแลกเปลี่ยน 4.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และการลดลงของยอดขายจากการดำเนินงานปกติ 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของยอดขายของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง เนื่องจากความต้องการซื้อที่ชะลอตัวในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ยอดขายจากการดำเนินงานปกติของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19.7% เทียบกับ 18.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีของบริษัทฯ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจาก transformation costs และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะอยู่ที่ 13.9 % (หรือ 13.3% หากไม่รวม transformation costs) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 68 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าอยู่ที่ 158 ล้านบาท ต้นทุนทางการเงินลดลงมาอยู่ที่ 586 ล้านบาท เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ กำไรสุทธิตามที่ปรับปรุง (ไม่รวม transformation costs) อยู่ที่ 1,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิตามที่ประกาศอยู่ที่ 1,273 ล้านบาท

พัฒนาการที่สำคัญ
  • มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (MC) แจ้งเจตจำนงในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในไทยยูเนี่ยนจาก 6.19% เป็น 20% (ไม่รวมหุ้นซื้อคืนที่บริษัทถืออยู่) และ ไทยยูเนี่ยนและ MC ตกลงเข้าทำข้อตกลงร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
  • สำหรับครึ่งแรกปี 2568 บริษัทฯ เสร็จสิ้นโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 400 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.98% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,310 ล้านบาท
แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ

บริษัทฯ ส่งเสริมวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มแข็งในทุกระดับขององค์กรทั่วโลก โดยตระหนักว่าการบริหารและลดความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ความมุ่งมั่นนี้ได้รับการสนับสนุนผ่านโครงสร้างธรรมาภิบาลที่ชัดเจน นโยบายความเสี่ยงที่ครอบคลุม และกรอบการบริหารความเสี่ยงแบบบูรณาการ โดยบริษัทฯ ได้นำปัจจัยด้านความเสี่ยงมาพิจารณาอย่างเป็นระบบในการวางแผนกลยุทธ์ การประเมินการลงทุน การประมาณการทางการเงิน ตลอดจนกระบวนการดำเนินงานประจำวัน เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ความปลอดภัยด้านอาหาร และการป้องกันการทุจริตและคอร์รัปชัน

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ได้ระบุปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ มาตรการภาษีของสหรัฐฯ สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เอื้ออำนวย ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (โดยเฉพาะปลาทูน่าและกุ้ง) และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

รางวัลและความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัท


โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ
อาหารทะเลแปรรูป 50% อาหารทะเลแช่แข็ง แช่เย็น 29% อาหารสัตว์เลี้ยง 14% อื่นๆ 7%
ข้อมูลหลักทรัพย์
SET / AGRO / FOOD
ราคาปิด TU SET index 18.00 12.00 6.00 1539.00 1337.00 1135.00 933.00 1-7-67 30-9-67 27-12-67 26-3-68 30-6-68
ณ วันที่ 30/06/68 TU FOOD SET
P/E (เท่า) 8.21 9.89 14.76
P/BV (เท่า) 0.82 1.12 1.03
Dividend yield (%) 6.94 5.23 4.39
30/06/68 30/12/67 28/12/66
Market Cap (ลบ.) 45,887.87 57,916.73 69,826.99
ราคา (บาท/หุ้น) 10.30 13.00 15.00
P/E (เท่า) 8.21 - 14.87
P/BV (เท่า) 0.82 1.00 0.89
CG Report:
Company Rating:
· A+ แนวโน้ม Stable (ประเมินโดย TRIS)
· A แนวโน้ม Stable (ประเมินโดย JCR)
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ณ วันที่ 03/03/2568
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (9.16%)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (7.26%)
นาย ธีรพงศ์ จันศิริ (5.94%)
MITSUBISHI UFJ MORGAN STANLEY SECURITIES CO.,LTD. (5.36%)
นาย เชง นิรุตตินานนท์ (4.50%)
อื่น ๆ (67.78%)
ช่องทางการติดต่อบริษัท
http://thaiunion.com
ir@thaiunion.com
0-2298-0024 Ext. 4260, 4270, 4274 หรือ 4275
อาคารเอส เอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น M, 979/12 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
ข้อมูลการซื้อขายอื่น ๆ : https://www.settrade.com/C04_01_stock_quote_p1.jsp?txtSymbol=TU
หมายเหตุ : เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทจดทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนแก่ผู้ลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น บริษัทจดทะเบียนไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและควรขอรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี และบริษัทจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้ใดนำเอกสารหรือข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทจดทะเบียนก่อน หากผู้ลงทุนมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัท สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากรายงานหรือสารสนเทศที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านช่องทางของสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และ/หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย